วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557


It's amazing
How you can speak
Right to my heart
Without saying a word,
You can light up the dark
Try as I may
I could never explain
What I hear when
You don't say a thing

มันน่าทึ่งไปเลยนะ
ที่เธอสามารถพูด
ให้เสียงของเธอไปถึงใจฉันได้
โดยไม่ต้องออกเสียงอะไรซักคำ
เธอปัดเป่าความมืดมิดออกไปได้
น่าผิดหวังจริงๆ
ที่ฉันไม่สามารถอธิบายออกมาได้
ว่าฉันได้ยินอะไรบ้าง
เมื่อเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

The smile on your face
Lets me know That you need me
There's a truth In your eyes
Saying you'll never leave me
The touch of your hand says
You'll catch me Whenever I fall
You say it best When you say Nothing at all

รอยยิ้มบนหน้าเธอ
ทำให้ฉันได้รู้ ว่าเธอต้องการฉัน
มีความจริงอยู่ในสายตาของเธอ
บอกว่าเธอจะไม่มีวันจากฉันไป
สัมผัสจากมือเธอนั้นบอกฉันว่า
เธอจะจับฉันไว้ทุกเมื่อที่ฉันล้มลง
เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย

All day long
I can hear people
Talking out loud
But when you hold me near
You drown out the crowd (The crowd)
Try as they may
They could never define
What's been said
Between your Heart and mine

ตลอดทั้งวัน
ฉันได้ยินผู้คน
พูดกันเสียงดังๆ
แต่เมื่อเธอกอดฉัน
เธอทำให้ฝูงชนนั้นจมหายไปหมด
น่าเสียดายจริงๆ
พวกเขาคงไม่มีวันอธิบายได้
ว่าสิ่งที่พูดออกมา
ระหว่างหัวใจของเธอและฉันมันคืออะไร

The smile on your face
Lets me know That you need me
There's a truth In your eyes
Saying you'll never leave me
The touch of your hand says
You'll catch me Whenever I fall
You say it best When you say Nothing at all

รอยยิ้มบนหน้าเธอ
ทำให้ฉันได้รู้ ว่าเธอต้องการฉัน
มีความจริงอยู่ในสายตาของเธอ
บอกว่าเธอจะไม่มีวันจากฉันไป
สัมผัสจากมือเธอนั้นบอกฉันว่า
เธอจะจับฉันไว้ทุกเมื่อที่ฉันล้มลง
เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย

(You say it best When you say Nothing at all
You say it best When you say Nothing at all)

(เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย)

The smile on your face
The truth in your eyes
The touch of your hand
Let's me know
That you need me

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ความจริงจากสายตาของเธอ
สัมผัสจากมือเธอ
ทำให้ฉันได้รู้
ว่าเธอต้องการฉัน

The smile on your face
Lets me know That you need me
There's a truth In your eyes
Saying you'll never leave me
The touch of your hand says
You'll catch me Whenever I fall
You say it best When you say Nothing at all

รอยยิ้มบนหน้าเธอ
ทำให้ฉันได้รู้ ว่าเธอต้องการฉัน
มีความจริงอยู่ในสายตาของเธอ
บอกว่าเธอจะไม่มีวันจากฉันไป
สัมผัสจากมือเธอนั้นบอกฉันว่า
เธอจะจับฉันไว้ทุกเมื่อที่ฉันล้มลง
เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย

(You say it best When you say Nothing at all
You say it best When you say Nothing at all)

(เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย)

The smile on your face
The truth in your eyes
The touch of your hand
Let's me know
That you need me

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ความจริงจากสายตาของเธอ
สัมผัสจากมือเธอ
ทำให้ฉันได้รู้
ว่าเธอต้องการฉัน

(You say it best When you say Nothing at all
You say it best When you say Nothing at all)

(เธอพูดสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย)

Oceans apart day after day
And I slowly go insane
I hear your voice on the line
But it doesn't stop the pain

มหาสมุทรกั้นเราห่างกันแสนไกล
มันทำให้ฉันแทบบ้า (ด้วยความคิดถึง)
แม้จะได้ยินเสียงเธอตามสายมา
ก็ยังคงคิดถึงเธอจนปวดใจ

If I see you next to never
How can we say forever

ถ้าเราสองคนแทบไม่ได้เจอกัน
เราจะบอกได้ไงว่าเป็นรักชั่วนิรันทร์

Wherever you go
Whatever you do
I will be right here waiting for you
Whatever it takes
Or how my heart breaks
I will be right here waiting for you

ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร
ฉันจะอยู่ที่นี่ ตรงนี้ รอเพียงเธอ
ไม่ว่าจะต้องเจ็บช้ำสักเพียงใด
หรือทำใจฉันแตกสลาย
ฉันก็จะยังรอเธออยู่ตรงนี้

I took for granted, all the times
That I thought would last somehow
I hear the laughter, I taste the tears
But I can't get near you now

ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันคิดเอาเอง
ว่าทุกสิ่งจะไม่เปลี่ยนไป
ได้ยินเสียงหัวเราะ ได้ลิ้มรสน้ำตา
แต่ตอนนี้ฉันและเธอ เราห่างกันแสนไกล

Oh, can't you see it baby
You've got me going crazy

ไม่เห็นหรือ ที่รัก
ฉันกำลังจะบ้าไปแล้วเพราะเธอ

Wherever you go
Whatever you do
I will be right here waiting for you
Whatever it takes
Or how my heart breaks
I will be right here waiting for you

I wonder how we can survive
This romance
But in the end if I'm with you
I'll take the chance

ยังสงสัยว่าเราจะรักษาไว้ได้อย่างไร
กับความรักนี้
แต่ถ้ามันทำให้ฉันได้อยู่กับเธอในที่สุด
ฉันจะคว้าโอกาสนั้นไว้

Wherever you go
Whatever you do
I will be right here waiting for you
Whatever it takes
Or how my heart breaks
I will be right here waiting for you
Waiting for you
ยอดเขาคิลิมันจาโร (อังกฤษMount Kilimanjaro) ชื่อภูเขามาจากภาษาสวาฮีลี หมายความว่า "ภูเขาที่ทอแสงแวววาว" ยอดเขาคิลิมันจาโรตั้งอยู่ในเขตประเทศแทนซาเนียใกล้พรมแดนประเทศเคนยา ลักษณะเป็นภูเขาไฟยอดเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลก และเป็นยอดเขาที่สุดที่สุดในทวีปแอฟริกาอีกด้วย มีความสูงกว่า 5,895 เมตร ตรงบริเวณยอดเขามียอดเขาด้วยกัน 5 ยอด เรียงตามลำดับความสูง คือ
  • ยอดคีโบ เป็นยอดที่สูงที่สุดในแอฟริกา มีความสูง 5,895 เมตร มีโพรงลึกเป็นรูปกรวยลึกถึง 113 เมตร (370 ฟุต) แนวลึกด้านตรง 122 เมตร (400 ฟุต) มีร่องรอยของการคุกกร่น ไม่หมดเชื้อ คือยังควันปรากฏกลิ่นกำมะถันอยู่
  • ยอดมาเวนซี มีความสูง 5,353 เมตร อยู่ติดกับยอดคีโบ รูปกรวยของยอดมาเวนซี ได้ถูกตบแต่งให้เป็นขั้นเป็นหลืบชั้น สำหรับให้นักไต่เขาได้ฝึกความชำนาญ
  • ยอดชีรา มีความสูง 3,778 เมตร
  • ยอดกากา มีความสูง 458 เมตร
  • ยอดชี มีความสูง 78 เมตร
บริเวณฐานเขามีความยาวกว่า 100 กิโลเมตร และกว้างถึง 75 กิโลเมตร เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว บริเวณยอดเขามีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ยาวกว่า 4,500 เมตร เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา และเป็นเพียงภูเขาไม่กี่ลูกในแอฟริกาที่มีธารน้ำแข็ง โดยเฉพาะภูเขาที่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรจะหาได้น้อยมากที่จะมีธารน้ำแข็งแบบเดียวกันนี้
ยอดเขาคิลิมันจาโรได้กำเนิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าเคยเกิดระเบิดใหญ่ถึง 3 ครั้ง จึงทำให้มียอดเขา 3 ลูกดังที่กล่าวข้างต้น ถูกค้นพบครั้งแรกโดย โยฮาน เรบมัน และลุดวิก คราปฟ์ หมอสอนศาสนา ชาวเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1848
บริเวณที่ลาดเขาช่วงล่างเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหลากหลายชนิดเช่น ช้าง แรด ควาย และแอนทิโลป ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตรขึ้นไป เป็นป่าเขตอบอุ่น ที่ระดับความสูง 3,500 เมตรขึ้นไปจะพบพรรณพืชแบบทุ่งมัวร์มีมอสส์ขึ้นอยู่เป็นส่วนใหญ่ ถัดขึ้นไปเป็นพรรณพืชแบบป่าสน บนยอดเขาเป็นที่ว่างเปล่าเต็มไปด้วยหิมะ
ส่วนบริเวณที่ราบรอบตีนเขาเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามาซายที่ทำอาชีพเลี้ยงวัว ควาย แพะ แกะ เพราะบริเวณรอบตีนเขามีทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ และมีการทำกสิกรรมเขตร้อน ปลูกกล้วย กาแฟ



ยอดเขามงบล็อง

มงบล็อง (ฝรั่งเศส: Mont Blanc) หรือ มอนเตเบียนโก (อิตาลี: Monte Bianco) ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศอิตาลี เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ มีความสูง 4,807 เมตร ทั้ง "มงบล็อง" และ "มอนเตเบียนโก" ต่างมีความหมายว่า "ภูเขาสีขาว" สภาพทั่วไปของยอดเขามีร่องรอยการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง ยอดเขามงบล็องมีรูปร่างยอดขรุขระ เพราะเกิดจากการโกงตัวของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นคือ แผ่นเปลือกโลกแอฟริกากับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย แต่หินบริเวณที่โก่งตัวกลับเป็นหินทรายกับหินปูน ยอดเขาสูงบริเวณเทือกเขาแอลป์จึงสึกกร่อนได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุให้ยอดเขามงบล็องก็มียอดแหลมขรุขระ เพราะโดนสภาพอากาศและธารน้ำแข็งกัดกร่อนมาเป็นเวลานานหลายล้านปี สภาพภูมิอากาศของยอดเขามงบล็องเป็นแบบเมติเตอร์เรเนียน บนยอดมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของอิตาลีและฝรั่งเศส