วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556




  น้ำพุเทรวี  (อิตาลี: Fontana di Trevi, อังกฤษ: Trevi Fountain') เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี
ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี      เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต) และกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต)และน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง   (tre vie)ที่เป็นจุดจบของสะพานส่งน้ำแวร์จิเน(Acqua Vergine) “สมัยใหม่”, สะพานส่งน้ำเวอร์โก (Aqua Virgo)   และสะพานส่งน้ำของโรมันโบราณ ในปี 19 ก่อนคริสต์ศักราช มีตำนานที่ว่าเจ้าหน้าที่โรมันพบแหล่งน้ำสะอาดราว 13 กิโลเมตร จากตัวเมืองด้วยความช่วยเหลือของสาวพรหมจารี (ภาพนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของน้ำพุปัจจุบัน)แต่เมื่อสร้างสะพานส่งน้ำขึ้นสะพานก็ยาวถึง 22กิโลเมตร สะพานส่งน้ำ “สะพานส่งน้ำเวอร์โก” นี้ส่งน้ำมายังโรงอาบน้ำของมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา และใช้เป็นสะพานส่งน้ำสำหรับเมืองโรมเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปีการเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวเมืองโรมเกิดขึ้นเมื่อชนกอธที่ล้อมกรุงโรมระหว่างปี ค.ศ. 537 ถึงปี ค.ศ. 538 ทำลายสะพานส่งน้ำ โรมันยุคกลางจึงต้องหันมาใช้น้ำจากบ่อและจากแม่น้ำไทเบอร์ซึ่งใช้เป็นท่อระบายน้ำโสโครกไปด้วย
ประเพณีโรมันคือการสร้างน้ำพุอันสง่างามตรงปลายสุดของสะพานส่งน้ำ   มารื้อฟื้นกันอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ในปี ค.ศ.1453 สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 ก็ทรงซ่อมสะพานส่งน้ำแวร์จิเนเสร็จและทรงสร้างอ่างน้ำพุง่ายๆ  ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมนุษย์นิยมลีออน บาตติสตา อัลเบอร์ติเพื่อเป็นการฉลองน้ำที่มาถึง



วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


สะพานทาวเวอร์บริดจ์





 
สะพานทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)
ตั้งอยู่ข้างหอคอยลอนดอนสร้างขึ้นระหว่างปี ค . ศ. 1886 - 1894 ใช้เวลาสร้าง 8 ปี เพื่อการสัญจรข้ามแม่น้ำเทมส์ ออกแบบสไตล์วิกตอเรียนโกธิก เป็นสะพานแบบเปิดปิดได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศอังกฤษโดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชม ความงามของเมืองลอนดอนได้ที่ระดับ 140 ฟุต มีถนน 18 สายที่ข้ามสะพานนี้สร้าง ขึ้นเหนือแม่น้ำเทมส์ โดยสะพานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิว ที่มีความสูงถึง 140 ฟุต เท่านั้น แต่ภายในของฐานสะพานที่ถูกสร้างขึ้นให้มีลักษณะเป็นหอสูง ยังเป็นที่ที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ จนถึงมีจัดแสดงห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียนด้วยการเปิดสะพานในแต่ละครั้งจะส่งผลทำให้คนที่ต้องการเดินข้ามสะพานในขณะที่ สะพานชักขึ้นต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังหอคอยด้านบน โดยมีบันไดถึง 300 ขั้นเพื่อไปข้างบน โดยปัจจุบันมีทัวร์เดินชมสะพานนี้โดยใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 90 นาที รวมถึงเวลาในการชมวิวทิวทัศน์บนทางเท้าที่สูงถึง 40 เมตร โดยทางเข้าเพื่อขึ้นบันไดจะอยู่ทางใต้ของท่าเรือทางเหนือ

อินเตอร์ลาเคน  (Interlaken) สวิตเซอร์แลนด์
อินเตอร์ลาเคน  (Interlaken) สวิตเซอร์แลนด์, ยุโรป
เมืองอินเตอร์ลาเคน  (Interlaken) ตั้ง อยู่ที่เหนือระดับน้ำทะเล 570 เมตร (1,870ฟุต) อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) และ ทะเลสาบทูน (Lake Thun) พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองมักถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และสวนผลไม้  อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาที่จะทำให้คุณเห็นธารน้ำแข็งซึ่งได้รับการขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดเขา 3แห่ง คือ ยอดเขาจุงฟราวน์ (Jungfrau) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดคือ 4,158 เมตร ยอดเขา Monch มีความสูง 4,099 เมตร และยอดเขา Eiger มีความสูง 3,970เมตร สถานที่ตากอากาศชั้นนำส่วนใหญ่ในถิ่นที่เรียกกันว่า Bernese Oberland จึงตั้งอยู่บริเวณ 3 เขานี้ ทิวทัศน์แถบนี้จึงบริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย ทำให้เป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุด จึงไม่แปลกที่จะเรียกได้ว่า "สวยเหมือนเมืองในฝัน"

วังน้ำเขียวสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน



วังน้ำเขียวสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน

วังน้ำเขียวสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน

สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพอีกแห่งที่มีบรรยากาศเย็นสบายตลอดปี ไม่ต่างจากดินแดนในภาคเหนือ ก็คือวังน้ำเขียวเมืองแห่งการท่องเที่ยวอีกแห่ง ที่คุณสามารถเดินทางไปสัมผัสได้ทั้ง 3 ฤดู และเป็น 3 สีสันที่แตกต่าง คุณสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่สถานที่ท่องเีที่ยวในเมืองนี้ได้ตลอดปี โดยเฉพาะหน้าฝนที่พร่างพรมความชุ่มฉ่ำไปทั่ว ขับรถใกล้ ๆ มาท่องเที่ยววังน้ำเขียว สีเขียวของผืนป่าปกคลุมไปทั่ว สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งโอโซนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วยลักษณะทั่วไปของวังน้ำเขียวที่เป็นภูขาสูงต่ำแบบลูกคลื่น สลับกับที่ราบกว่าร้อยละ 90 ของพื้นที่ทั้งหมด และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยอยู่ที่ 200 – 700 เมตร ทำให้อำเภอวังน้ำเขียวมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย แม้ในฤดูร้อนยังมีอุณหภูมิสูงสุดเพียงแค่ 30 องศาเซลเซียสเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อถึงฤดูหนาวสถานที่ท่องเีที่ยวแห่ง นี้ก็เย็นสบายไม่หนาวจัดจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 9 องศาเซลเซียส ประกอบกับฤดูฝนที่ฝนนตกติดต่อกันมายาวนานถึง 5 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน – ตุลาคม ทำให้วังน้ำเขียวมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี จึงเป็นที่มาที่ทำให้สถานที่ท่องเีที่ยวแห่งนี้ได้ถูกเรียกขานว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน”



ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์ เซอร์เคิ่ล ( Ice Circle )



 




Ice Circle ไอส์ เซอร์เคิ่ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์ เซอร์เคิ่ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อยๆก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์ เซอร์เคิ่ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาจจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้







ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้






Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติ เดธ วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศ สหรัฐอเมริกา สิ่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของ เรซแทรค พลาย่า นั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น 

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง
 

Ice Flowers เป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้พบเห็น
เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกล็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็น ช่อดอกไม้สีขาว
กลีบบาง ผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง
สาเหตุ ของการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติดอกไม้น้ำแข็ง 1.  ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง เป็นหนึ่งในรูปแบบของแผ่นน้ำแข็ง ที่พึ่งก่อตัวขึ้นใหม่
 2.  เมื่อไอน้ำอิ่มตัว ( Saturated Water Vapors ) ที่แทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง
 3.  เมื่อไอน้ำอิ่มตัว สัมผัสกับอากาศเย็นจัดด้านบนก็จะเริ่มก่อตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
 4.  ส่วนเกลือบนที่อยู่บนผิวของเกล็ดน้ำแข็งก็จะเกิดการตกผลึก เป็นเกล็ดเล็กเกร็ดน้อยบนผิวของเกร็ดน้ำแข็ง
 5.  ผลึกเกลือที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนแกนให้ให้ไอน้ำอิ่มตัว ที่เหลือเกาะเป็นเกล็ดน้ำแข็งใหม่ขึ้นสลับไปมาจนซ้อนทับกันจน        คล้าย กลีบดอกไม้
มัสยิดในมะลากาเสี่ยงถูกกระทบจากปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นทุกปี



มาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่สร้างเกาะในทะเลขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์เช่นเดียวกับในดูไบ จากปัญหาสภาวะเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้โลกร้อนขึ้น นำมาซึ่งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ทำให้ปริมาณน้ำในทะเล-มหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้น จนกระทบเป็นลูกโซ่มาสู่การเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งทะเลในประเทศต่างๆ  ทำให้มัสยิด Malacca Straits Mosque อันงดงามที่ตั้งอยู่บนเกาะบริเวณช่องแคบมะละกาที่สร้างโดยการถมทะเลออกไป กำลังได้รับผลกระทบเนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ห่างจากตัวมัสยิดที่ตั้งอยู่บนเสาตอม่อเพียง 1 เมตร
รัฐบาลมาเลย์ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา และได้ตั้งสถานีอุทกศาสตร์ขึ้นเพื่อเฝ้าติดตามสังเกตระดับน้ำ 12 แห่ง ตลอดชายฝั่งมาเลย์ตะวันตก และอีก 9 แห่งตลอดแนวชายฝั่งรัฐซาบาฮฺ และซาราวัก (ฝั่งมาเลย์ตะวันออก)
เกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณชายฝั่งรัฐมะละกามี 2 เกาะ พื้นที่ขนาด 40 และ 50 เฮคเตอร์ (100 เฮคเตอร์ = 1 ตารางกิโลเมตร) โดยมีการทำโครงการ Twin Island City Center ขึ้น และมัสยิดถูกสร้างขึ้นร่วมอยู่ในโครงการนี้
แม้จะมีการคำนวณทางวิศวกรรมระดับเซียนแล้วก็ตาม ปัจจุบันพบว่าสิ่งก่อสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ดังกล่าวกีดขวางเส้นทางของกระแสน้ำโดยธรรมชาติ และดึงดูดโคลนตมให้เข้ามาสะสมทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนไป ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นที่ดูไบเช่นกัน
10 สถานที่สวยงดงามราวกับเทพนิยาย





10. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์
เป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่ที่สุดในประเทศโครเอเชีย ความสวยงามของที่นี่คือทิวทัศน์เขียวขจี มีทะเสาบและน้ำตกที่สวยงามมาก

9. เดอะ เกรท แบริเออร์ รีฟ
The Great Barrier Reef คือแนวประการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่ชายฝั่งรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวจะมาดำน้ำดูประการัง


8. พีระมิดกลม กลางทะเลแปซิฟิก
เป็นเกาะกลางทะเลที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงถึง 562 เมตร เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟที่เผาไม่ไม่หมด ก่อตัวเป็นชั้นเมื่อราว 7ล้านปีที่แล้ว อยู่ที่เกาะLord Howe Island ในทะเลแปซิฟิก



7.ภูเขาน้ำแข็ง ที่ประเทศกรีนแลนด์
ภูเขาน้ำแข็งแห่งนี้เกิดจากการละลายของยน้ำแข็ง มีความลึกกว่า 150ฟุต หรือราว 45.72 เมตร



6. ทะเลสาบบ่อน้ำพุร้อน (Blue Lagoon Hot Springs)
ทะเลสาบบ่อน้ำพุร้อน แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์อยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ แต่อุณหภูมิร้อนของน้ำมันเกิดขึ้นเองตาธรรมชาติจากภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นในเกาะ มีความสวยงามมากในช่วงหิมะตก


5. อุโมงค์แห่งรัก ประเทศยูเครน
เป็นอุโมงค์ทางผ่านของรถไฟ แต่มีความพิเศษตรงที่มีต้นไม้ล้อมรอบและปกคลุมจนกลายเป็นเหมือนอุโมงค์ ตั้งอยู่ในเมืองคลีเวน ประเทศยูเครน ได้ชื่อว่าเป็น อุโมงค์แห่งรัก เพราะคู่รักจำนวนมากชอบมาเดินเล่นกัน


4. ป่าสนโค้งงอ ประเทศโปแลนด์
ตั้งอยู่นอกเมืองNowe Czarnowo ในเขต West Pomerania ประกอบด้วยต้นสนที่มีลำตั้นโค้งงอกว่า 400 ต้น ซึ่งปลูกไว้ตั้งแต่ปี 1939 แต่ไม่มีใครทราบว่าผู้ที่ทำการปลูกเป็นใคร


3.โรงแรมลา มอนตานา เมจิก (Hotel La Montaña Mágica) ประเทศชิลี
คนทั่วไปขนานามที่นี่ว่า โรงแรมแห่งภูเขาวิเศษ เพราะที่นี่เป็นโรงแรมรูปภูเขาที่มีน้ำพ่นลงมาจากด้านบน ตั้งอยู่ที่ส่วนธรรมชาติสำรองHuilo ในเมืองลอสรีออสของชิลี


2. ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre) ประเทศอิตาลี
เป็นชื่อเรียกของหมู่บ้านเล็กๆ 5หมู่บ้าน บนชายฝั่งทะเลและขอบผา มีท่าเรือขนาดใหญ่ เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก


1.อุโมงค์วิสเทอร์เรีย (Wisteria Tunnel) ประทศญี่ปุ่น
ตั้งอยู่ที่สวน คาวาชิ ฟูจิ ที่เมืองคิตะกีวชู ของญี่ปุ่น ความสวยงามของสถานที่นี้อยู่ที่ดอกไม้หลากสีที่เรียงรายอยู่ข้างบนของอุโมงค์


ประตูชัย (Patuxay) แห่งนครเวียงจันทน์ ส.ป.ป ลาว มีลายปูนปั้นด้านบน ด้านหน้า ด้านข้าง แล้วศิลปะแบบลาว มีบันไดทางขึ้นสองข้าง โดยที่ด้านบนทำเป็นอาคารห้ายอด ตามหลักการปกครองประเทศตามพุทธศาสนา (ได้แก่ พันธมิตร, การผ่อนปรนยืดหยุ่น, ความซื่อสัตย์, การให้เกียรติ และความรุ่งเรือง) โดยอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะ และถนนสายหลักที่มีลักษณะเป็นวงเวียนและถนนสายใหญ่ (คล้ายๆกับ ราชดำเนินบ้านเรา) ด้านหน้าของ ประตูชัย (Patuxay) มีน้ำพุที่สวยงาม และเป็นสวนสาธารณะให้นั่งพักผ่อน ใครมาเที่ยว เวียงจันทน์ ก็ต้องห้ามพลาดจุดนี้ เพราะถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความหมายถึง “ชัยชนะ” 

ประตูชัย แห่งนครเวียงจันทร์ สร้างขึ้นโดยรัฐบาลฝรั่งเศสสมัยเข้ามาครอบครองประเทศ โดยสร้างถนนและประตูชัยให้คล้ายกับชอง เอลิเซ่ในฝรั่งเศส แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี ชาวลาวก็ประกาสอิสรภาพเสียก่อน ดังนั้น คำว่าชัยชนะของประตูนี้จึงหมายถึงชัยชนะของชาวลาว บริเวณรอบ ๆ ประตูชัยเป็นลานกว้างมีประชาชนชาวลาวมานั่งเล่นโดยรอบ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองเวียงจันด้านบนของประตูชัยได้ โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่านให้กับทางเจ้าหน้าที่ ในยามเย็นสถานที่นี้จะเป็นที่ออกกำลังกาย เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองเวียงจัน และนักท่องเที่ยว




เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) เมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรีย โดยเมืองฮัลล์ทัทท์นั้น อยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย (Upper Austria) ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐ ของประเทศออสเตรีย
สำหรับความโดดเด่นของเมืองนั้น สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ก็คือความเป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีอากาศแสนบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ และชมทัศนียภาพสวยๆ ของตัวเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลสาบและเทือกเขาสูงตระหง่าน

ข้อมูลจาก: Travel MThai

10 อันดับ สถานที่โรแมนติกที่สุดในโลก

     10 อันดับสถานที่ ที่ถูกจัดว่ามีความโรแมนติกมากที่สุดในโลก ซึ่งน่าจะหาโอกาสพาคนรักไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต 
001
อันดับที่ 10. เมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศส 
ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรัก ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน

002
อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส เมืองปารีส  
มีสมญานามว่า “สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณและคนรัก จะสารภาพ “รักนิรันด์” ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิทธภัณฑ์ le lovore (พิพิทธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก) หอไอเฟล โรงแรม disney land resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิทธภัณฑ์ศิลปะ centre pompidou และสถานที่สวยงามอื่นๆ อีกมากมาย การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดี ก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้ จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน
003
   อันดับ ที่ 8. Vanice ประเทศอิตาลี  
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง venice มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่ ponte dei sospiri, จตุรัส piazza san marco ที่ได้รับสมณานามว่า “ห้องจิตกรรมของยุโรป” (the – drawing room of europe) และคลองในตัวเมือง “canale grande” ทั้งหมดนี้จะสร้างความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรัก และตัวคุณ
004
อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี
สถานที่ ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมือง schloss neuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป
   
005
      อันดับ ที่ 6. เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย
เป็นอีกสถานที่ ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิทธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พระราชวัง schoenbrunn, พระราชวัง belvedere, พระราชวัง the hofburg imperial และพิพิทธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง sigmund freud
  
006
     อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค เมือง monte carlo
ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาเอลป์ และเป็นสถานที่ ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง monte carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (monte carlo casino) พิพิทธภัณธ์ทางทะเล, พิพิทธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง prince
  
007
     อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง mozart และมีชื่อเสียงในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รัก สามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน
   
008
     อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น สถานีรถไฟ grand central terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ central park (มีกิจกรรมคอนเสริ์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)
   
009
      อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์
เมือง Cairo ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรงดึงดูด ใหคู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสยงามในตัวเมือง
   
010
     อันดับที่ 1. Mauritius Island
สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่า “ปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (ultimate romantic destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียงอย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมาย ที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่ง ในอีกหลายๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน
ข้อมูลจาก : http://www.fwdder.com

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


ขนมมาการอง (Macaron) เป็นขนมหวานที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนประกอบหลักของ Almond น้ำตาล และไข่ขาว มีลักษณะคล้ายคุ้กกี้ชิ้นเล็กสองอันประกบกันมีไส้ตรงกลาง มีสีสันสดใส กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ตรงกลางด้วยกานาช (Ganache) มีหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอร์ รี่ วานิลลา อัลมอนด์ หรือผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น และมักนิยมทานคู่กับชา หรือ กาแฟ  มาการอง เป็นที่รู้จักครั้งแรกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมัยนั้นข้าวยากหมากแพง เนื้อสัตว์ โปรตีนไม่มีให้รับประทานมากมายนัก เหล่าแม่ชีชาวอิตาเลียนที่อพยพมายังประเทศฝรั่งเศสจึงดำรงชีพอยู่ด้วยอัลมอนด์ เพราะมีคุณค่าทางอาหารไม่แพ้เนื้อสัตว์ โดยนำมาประกอบเป็นอาหารหรือขนมหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ ขนมจากอัลมอนด์ ซึ่งต่อมากลายเป็นของหวานที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบมาจนถึงปัจจุบันสเน่ห์ของมาการองไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเท่านั้น ว่ากันว่ามาการองที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่รูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ มองดูจากด้านบนเป็นวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญคือ “Foot” บางตำราเรียก ”Skirt” รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ กลิ่นหอมหวาน เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็น 1 คืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซาบเข้าสู่ชั้นของคุกกี้ นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ยังทำให้มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย