ถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute Cave) มีชื่อภาษา จีนกลางว่า “หลูตี๋เหยียน” ตั้งอยู่ชานเมืองกุ้ยหลิน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตรที่มาของชื่อ ถ้ำขลุ่ยอ้อ มาจากของต้นอ้อที่ขึ้นอยู่ด้านหน้าถ้ำเป็นจำนวนมาและในอดีตนิยมเอาต้นอ้อมา ทำขลุ่ย จึงป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ” ภายในมีหินงอกหินย้อยงดงามตลอดทาง มีภาพเขียนสีโบราณสมัยราชวงศ์ถัง มีการทำทางเดินและประดับประดาไฟภายในถ้ำ เพื่อให้สามารถชมความงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ หินงอกหินย้อยภายในถ้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามที่คนในท้องถิ่นตั้งไว้ตามรูปร่างอันวิจิตรตระการตา อาทิ วังแก้วแห่งราชามังกร ที่คล้ายกับเมืองกุ้ยหลินบริเวณแม่น้ำหลีเจียงและหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกๆ อีกมากมายตามแต่จินตนาการแต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของถ้ำขลุ่ยอ้อก็คือ “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ภายใต้แสงไฟสีน้ำเงินที่ส่องประดับ ท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้ววิจิตรงามดายิ่งนัก ส่วนช่วงสุดท้ายของถ้ำขลุ่ยอ้อก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมีกินรูปคล้ายสิงโตตั้งตระหง่านคอยส่งแขก
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute Cave) มีชื่อภาษา จีนกลางว่า “หลูตี๋เหยียน” ตั้งอยู่ชานเมืองกุ้ยหลิน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตรที่มาของชื่อ ถ้ำขลุ่ยอ้อ มาจากของต้นอ้อที่ขึ้นอยู่ด้านหน้าถ้ำเป็นจำนวนมาและในอดีตนิยมเอาต้นอ้อมา ทำขลุ่ย จึงป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ” ภายในมีหินงอกหินย้อยงดงามตลอดทาง มีภาพเขียนสีโบราณสมัยราชวงศ์ถัง มีการทำทางเดินและประดับประดาไฟภายในถ้ำ เพื่อให้สามารถชมความงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ หินงอกหินย้อยภายในถ้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามที่คนในท้องถิ่นตั้งไว้ตามรูปร่างอันวิจิตรตระการตา อาทิ วังแก้วแห่งราชามังกร ที่คล้ายกับเมืองกุ้ยหลินบริเวณแม่น้ำหลีเจียงและหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกๆ อีกมากมายตามแต่จินตนาการแต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของถ้ำขลุ่ยอ้อก็คือ “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ภายใต้แสงไฟสีน้ำเงินที่ส่องประดับ ท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้ววิจิตรงามดายิ่งนัก ส่วนช่วงสุดท้ายของถ้ำขลุ่ยอ้อก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมีกินรูปคล้ายสิงโตตั้งตระหง่านคอยส่งแขก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น